ตราสารแสดงการกู้ยืมเงิน ซึ่งผู้ออกตราสารหนี้จะอยู่ในฐานะ “ลูกหนี้” และผู้ซื้อตราสารหนี้จะอยู่ในฐานะ “เจ้าหนี้” โดยเจ้าหนี้จะได้รับผลตอบแทนในรูปของ “ดอกเบี้ย” อย่างสม่ำเสมอตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ และจะได้รับ “เงินต้น” คืนเมื่อครบกำหนดอายุ ตัวอย่างตราสารหนี้ที่พบเห็นทั่วไป เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล และหุ้นกู้เอกชน
ตราสารหนี้มีจุดเด่นตรงที่เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อย และให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ เฉลี่ยที่ 2% - 5% สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากทั่วไป โดยถ้าลงทุนในพันธบัตรซึ่งมีผู้ออกเป็นภาครัฐ ก็จะมีโอกาสสูญเสียเงินต้นต่ำมาก แต่หากลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทเอกชน ก่อนลงทุนต้องศึกษาข้อมูลให้แน่ใจก่อนว่า... บริษัทนั้นมีฐานะมั่นคง สามารถจ่ายดอกเบี้ยและเงินต้นคืนได้เมื่อครบกำหนด
ตราสารหนี้จึงเป็นอีกทางเลือกลงทุนที่น่าสนใจอย่างมากท่ามกลางสภาวะตลาดการเงินที่ผันผวนจากปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เพราะราคาและผลตอบแทนจากตราสารหนี้จะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับหุ้น หากนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่ในพอร์ต และต้องการกระจายความเสี่ยง ลดความผันผวนของผลตอบแทนให้กับพอร์ตลงทุนโดยรวม “ตราสารหนี้” จะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยชั้นดีให้กับเรา
อ่านเนื้อหาเกี่ยวกับตราสารหนี้เพิ่มเติม >> คลิกที่นี่