อัตราดอกเบี้ยที่ผู้ออกบัตรเครดิต ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ (Bank) และผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-bank) คิดจากลูกค้าในการใช้บริการสินเชื่อ
การใช้บัตรเครดิตอย่างเหมาะสม ไม่ใช้จ่ายเกินความจำเป็น ชำระหนี้เต็มจำนวนทุกครั้ง (รูดเท่าไร จ่ายเท่านั้น) จะช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้จ่าย ช่วยลดความเสี่ยงจากการถือเงินสดจำนวนมาก สามารถติดตามและควบคุมค่าใช้จ่ายได้จากใบแจ้งหนี้ แถมยังเป็นแหล่งเงินทุนระยะสั้นที่ไม่มีดอกเบี้ย เนื่องจากบัตรเครดิตจะมี "ระยะปลอดดอกเบี้ย" (Grace Period) ทำให้เราสามารถเลื่อนระยะเวลาการใช้เงินออกไปได้ โดยไม่เสียดอกเบี้ยใด ๆ เลย
แต่ในทางกลับกัน หากผู้ใช้บัตรเครดิตไม่สามารถ “ชำระหนี้ทั้งหมด” ได้ในแต่ละเดือน ดอกเบี้ยบัตรเครดิตก็จะพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะสถาบันการเงินผู้ออกบัตรเครดิตจะคิดดอกเบี้ยในอัตราค่อนข้างสูงและคิดดอกเบี้ยเป็นรายวัน นอกจากนี้ ยังมีค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ที่ผู้ใช้บัตรต้องทำความเข้าใจก่อนถือครองบัตรเครดิตด้วย
ตัวอย่างเช่น ฟ้าใช้บัตรเครดิตซื้อชุดโฮมเธียเตอร์ราคา 80,000 บาท ในวันที่ 2 ตุลาคม 25X1 ต่อมาครบกำหนดชำระหนี้วันที่ 15 พฤศจิกายน 25X1 ฟ้าไม่ได้ชำระหนี้ แต่ไปชำระวันที่ 30 พฤศจิกายน 25X1 กรณีนี้ผู้ออกบัตรจะเริ่มคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 25X1 ซึ่งเป็นวันที่ทำรายการซื้อสินค้า (Transaction Date) ไม่ใช่วันครบกำหนดชำระ (Due Date) ทำให้ฟ้าต้องเสียดอกเบี้ยเป็นเวลา 60 วัน หรือเท่ากับ 2,104 บาท [80,000 x (16%/365) x 60 วัน] |
ทั้งนี้ ตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย (มีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2563 เป็นต้นไป) ผู้ออกบัตรสามารถคิดดอกเบี้ยจากการใช้สินเชื่อบัตรเครดิตได้สูงสุด 16% ต่อปี และคิดดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการสำหรับสินเชื่อส่วนบุคคลได้สูงสุด 25% ต่อปี